ตอบคำถามต่อไปนี้
1. ให้นักศึกษาอธิบายคำว่า ศีลธรรม จารีตประเพณี และกฎหมายเหมือนหรือต่างกันอย่างไร (5 คะแนน)
ตอบ
ศีลธรรม หมายถึง
ความประพฤติที่ดีงามของมนุษย์
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาหรือเชื้อชาติของบุคคลนั้น
แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับมโนธรรมหรือที่เรียกว่าจิตสำนึกที่ดีงามของบุคคลนั้นๆ
ที่มนุษย์ทุกคนควรจะมี เช่น ความยุติธรรมภายในจิตใจ ความรู้ผิดชอบชั่วดี
ความซื่อสัตย์ สุจริต ความชอบธรรม เป็นต้น
จารีตประเพณี
หมายถึง ระเบียบแบบแผนที่มนุษย์ประพฤติสืบทอดต่อๆกันมา
ซึ่งมักจะเป็นส่วนของการกระทำภายนอกของมนุษย์ โดยที่จารีตประเพณีอาจเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม
เช่น เรื่องของการผิดผีระหว่างหญิงกับชาย ที่มีการแตะเนื้อต้องตัวกันก่อนแต่งงาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งคู่จะต้องแต่งงานและทำพิธีขมา
จารีตประเพณีนี้เป็นเรื่องของผู้คนทางภาคเหนือและภาคอีสานของไทย
แต่ไม่ใช่จารีตประเพณีของภาคใต้ เป็นต้น
กฎหมาย
หมายถึง
กฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับมนุษย์ในสังคม ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่สามารถฝ่าฝืนได้
แต่หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับโทษตามที่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้
กฎหมายยังเป็นสัญลักษณ์และเครื่องมือที่แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคม
ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า
ศีลธรรม จารีตประเพณี และกฎหมายมีความแตกต่างกันในด้านของการบังคับใช้ กฎหมาย
ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มีการกำหนดแบบแผนที่ชัดเจนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
จารีตประเพณี เป็นแบบแผนที่กำหนดไว้แต่ไม่ได้กำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเพียงการปฏิบัติสืบต่อกันมา
ถ้าไม่ทำตามก็ไม่มีข้อกำหนดในการลงโทษอย่างชัดเจน และศีลธรรม
เป็นเรื่องของจิตสำนึกภายในจิตใจในความเป็นมนุษย์
ซึ่งต่างจากจารีตประเพณีและกฎหมายอย่างสิ้นเชิงที่เป็นเรื่องของการกระทำภายนอก
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งศีลธรรม จารีตประเพณี และกฎหมาย ก็ถือเป็นสิ่งที่มาคอยช่วยกำกับการกระทำของมนุษย์ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและดีงาม
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข
2. คำว่าศักดิ์ของกฎหมาย คืออะไร มีการจัดอย่างไร โปรดยกตัวอย่าง
รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช.
พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ เทศบัญญัติ พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง (5 คะแนน)
ตอบ
ศักดิ์ของกฎหมาย
คือ
การจัดลำดับชั้นหรือความสูงต่ำของกฎหมาย หรือกล่าวได้ว่า กฎหมายมีลำดับความสูงต่ำที่ไม่เท่าเทียมกัน
จึงจำเป็นต้องมีการจัดลำดับเพื่อใช้ในการตีความและการยกเลิกกฎหมายต่างๆ
โดยที่กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์สูงสุดเนื่องจากกฎหมายรัฐธรรมนูญครอบคลุมกฎหมายทุกประเภท
ทั้งนี้ กฎหมายที่มีลำดับชั้นต่ำกว่าจะไม่สามารถมีเนื้อหาขัดแย้งกับกฎหมายที่มีลำดับชั้นสูงกว่าได้
เกณฑ์ในการกำหนดศักดิ์ของกฎหมาย
คือ พิจารณาจากองค์กรหรือผู้ที่มีอำนาจในการตรากฎหมาย กฎหมายที่ถูกตราด้วยผู้ที่มีอำนาจสูงกว่าจะมีลำดับชั้นสูงกว่ากฎหมายที่ถูกตราด้วยผู้ที่มีอำนาจต่ำกว่า
ซึ่งจากกฎหมายข้างต้นสามารถจัดแบ่งลำดับชั้น ออกเป็น
7 ลำดับชั้น ดังนี้
1. รัฐธรรมนูญ
คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช.
2. พระราชบัญญัติ
3. พระราชกำหนด
4. พระบรมราชโองการ
5. พระราชกฤษฎีกา
6.
กฎกระทรวง
7. เทศบัญญัติ
3. แชร์กันสนั่น ครูโหดทุบหลังเด็กซ้ำ
เหตุอ่านหนังสือไม่ได้
ตามรายงานระบุว่า
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "กวดวิชา เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ
โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า
"วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ชั้น
ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา
สภาพแย่มาก..(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้) ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา
เห็นแล้วรับไม่ได้เลย มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง
พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้
แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้ มันยากที่จะหาย
บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป"
จากข้อความดังกล่าวในฐานะนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษาคิดอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งทุกคนจะต้องไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นี้ ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นปรากฏการดังกล่าวนี้ (5 คะแนน)
ตอบ ดิฉันคิดว่าการกระทำของครูคนนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
ครูไม่สามารถกระทำความรุนแรงกับนักเรียนได้
เพราะเป็นการสร้างบาดแผลภายในจิตใจให้กับนักเรียน ยิ่งไปกว่านั้น
พฤติกรรมรุนแรงเหล่านี้จะถูกฝังลึกลงในจิตใจของนักเรียน
จนอาจทำให้หนักเรียนคนนั้นหรือเพื่อนร่วมห้องที่อยู่ในเหตุการณ์กลายเป็นคนที่มีความก้าวร้าวได้
ซึ่งจริงๆ แล้วปัญหาของการอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ของนักเรียนอายุ 6 ขวบที่อยู่ในชั้น ป.1 นั้น
เป็นปัญหาที่สามารถพบได้โดยทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่เพิ่งเลื่อนระดับชั้นการศึกษาจากระดับอนุบาลมาเป็นระดับชั้นประถมศึกษา
ดังนั้น แทนที่ครูจะทำการรุนแรงกับนักเรียน
ครูควรหาวิธีหรือแนวการสอนในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาการอ่านให้กับนักเรียน เช่น
ให้นักเรียนทำกิจกรรมมากขึ้น เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน มีการมอบหมายการบ้านให้ผู้เรียนได้ฝึกอ่านมากยิ่งขึ้นไป
ไม่ควรใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เพราะการกระทำเช่นนั้น
ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาการอ่านแก่นักเรียนได้
ซ้ำร้ายยังทำให้นักเรียนบาดแผลทั้งกายและใจ
ส่งผลให้มีทัศนคติไม่ดีทั้งต่อครูผู้สอนและต่อการเรียน
ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำนี้ยังส่งผลต่อตัวครูผู้สอนเอง คือ ครูได้ประพฤติผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อปฏิบัติทางวินัยจึงต้องได้รับโทษทางวินัยที่ระบุไว้ในมาตรา
96 ซึ่งต้องโทษลาออก
4. ให้นักศึกษา สวอท. ตัวนักศึกษาว่าเราเป็นอย่างไร (5 คะแนน)
ตอบ วิเคราะห์ SWOT ของตนเองต่อวิชาที่เรียน
จุดแข็ง
(S)
1. เวลาอาจารย์สอนจะคิดตามสิ่งที่อาจารย์สอนและเชื่อมโยงไปยังความรู้เดิม
2. มีความตั้งใจเรียนในขณะที่อาจารย์สอน
3. ชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆในห้องเรียน
ทำให้มีมุมมองใหม่ๆ
4. สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการทำกิจกรรมในห้องเรียนได้ดี
5. มีความรับผิดชอบในการทำงานที่อาจารย์สั่ง
จุดอ่อน
(W)
1. ไม่กล้าตัดสินใจ
ต้องคอยถามจากเพื่อนๆ
2. มีความสะเพร่าในการทำชิ้นงานและข้อสอบ
3. เป็นคนที่ขี้ลืม
ไม่สามารถจำอะไรได้นานๆ โดยเฉพาะเนื้อหาที่เรียน
4.
ความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับปานกลาง ทำให้บางครั้งไม่เข้าใจเนื้อหาวิชาและสิ่งที่อาจารย์พูด
5. อ่านหนังสือเฉพาะวันก่อนสอบ
โอกาส (O)
1. มีประสบการณ์ในการทำงานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น
2. ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ
และศัพท์ใหม่ๆ ในการแปลให้กับเพื่อนๆต่างมหาวิทยาลัย
3. อาจารย์อธิบายเนื้อหาได้ชัดเจนและเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญเสมอ
4. สามารถถามอาจารย์ในสิ่งที่ไม่เข้าและอาจารย์จะตอบคำถามให้อีกครั้งอย่างชัดเจน
5. สามารถนำทฤษฎีที่เรียนมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้
6. ในการเรียนวิชานี้สามารถนำความรู้และทฤษฎีมาวิเคราะห์ข่าวและกรณีศึกษาได้
อุปสรรค
(T)
1. จำความหมายศัพท์เฉพาะบางตัวไม่ได้
ทำให้บางครั้งไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เรียน
2. มีการปิดภายในบ่อยๆทำให้เนื้อหาที่เรียนไม่ต่อเนื่องกัน
จนบางครั้งลืมเนื้อหาที่เรียนไปแล้ว และเชื่อมโยงกับเนื้อหาใหม่ไม่ทันเพื่อน
3. ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันทำให้ไม่มีความคล่องแคล่วในการใช้ภาษา
4. เน้นเสียงคำศัพท์ผิดตำแหน่ง
ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสาร
5.
ให้นักศึกษาวิจารณ์อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ในประเด็นการสอนเป็นอย่างไร บอกเหตุผล
มีข้อดีและข้อเสีย (5 คะแนน)
ตอบ
ข้อดี
ในประเด็นของการสอน
ดิฉันชอบรูปแบบการสอนของอาจารย์ คือ การเปลี่ยนให้นักศึกษาได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้สอน
ได้ทำงานกลุ่มโดยการศึกษาเนื้อหาให้เกิดความเข้าใจ แล้วนำมาถ่ายทอดให้กับเพื่อนๆ
มีการให้ส่งงานผ่านบล็อก เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการสอน
ซึ่งตัวนักศึกษาเองสามารถทำงานส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา มีความสะดวกในการส่งงาน ไม่จำเป็นต้องรอพบอาจารย์ในการส่งงาน
(กรณีที่อาจารย์ไม่ค่อยว่าง) ไม่เปลืองทรัพยากร(กระดาษ)ในการทำงานส่ง ทั้งนี้
งานที่ส่งไปไม่เสี่ยงต่อการสูญหายอีกด้วย ในส่วนของอาจารย์ผู้สอนเองมีความสะดวกในการตรวจงาน
ไม่จำเป็นต้องแบกชิ้นงานจำนวนมากไปตรวจ ไม่ต้องนั่งอยู่กับกองกระดาษที่เต็มโต๊ะในขณะตรวจงาน
ข้อเสีย
บางครั้งอาจารย์มีภาระหน้าที่ในการสอนเยอะ
อาจารย์ต้องสอนนักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโททำให้บางครั้งไม่สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น